ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย หรือ Condom เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำยางธรรมชาติ น้ำยางสังเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ซึ่งจะเสื่อมสภาพได้เองเมื่อระยะเวลาผ่านไปแต่จะเสื่อมสภาพมากขึ้นหากมีการเก็บรักษาอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพก่อนถึงระยะเวลาที่กำหนด จึงควรมีวิธีการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง  ถุงยางอนามัยใช้สวมอวัยวะเพศชายในขณะร่วมเพศ เพื่อป้องกันน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด เป็นการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม 

Q : ถุงยางอนามัยมีกี่ชนิด?

ปัจจุบันมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือ ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติและจากสารสังเคราะห์ (ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม)

ข้อดีคือ ราคาถูก ยืดหยุ่นได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ การสวมใส่กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ข้อเสียคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)

โดยแก้ไขข้อด้อยของถุงยางจากน้ำยางธรรมชาติ คือ เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 01 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเสมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย (feels like not wearing anything) แต่ราคาอาจสูงกว่าแบบน้ำยางพารา

Q : เลือกขนาดถุงยางอนามัยอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเรา?

ถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับแต่ละคน สามารถสังเกตตัวเองได้เมื่ออวัยวะเพศมีการแข็งตัวเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะขยายได้ใหญ่กว่าเดิม 3-5 เท่า การแข็งตัวเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำเป็นลำยาวตลอดองคชาตที่เรียกว่า corpora cavernosa เริ่มเต็มไปด้วยเลือดที่ถูกสูบฉีดมาหล่อเลี้ยง เมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ

การเลือกขนาดถุงยางอนามัย ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งขนาดของถุงยางจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยวัดจากเส้นรอบวงองคชาต ไม่ใช่ความยาว เพราะถุงยางอนามัยเกือบทุกยี่ห้อ จะทำความยาวมาเท่า ๆ กัน คือประมาณ 6-7 นิ้วเท่านั้น ใครที่มีอวัยวะเพศที่ยาวกว่านี้ก็อาจไม่สามารถครอบได้หมด ถุงยางอนามัย จะบอกเส้นรอบวงเป็นมิลลิเมตร ดังนี้

- วิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง -

- ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย -

ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์

หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี (Perfect use) โอกาสที่การคุมกำเนิดจะล้มเหลวมีอยู่เพียง 2% เท่านั้น แต่จากการใช้งานจริง พบว่า มีความล้มเหลวในการคุมกำเนิดเพิ่มขึ้นเป็น 18% หรือคิดเป็น 1 ใน 5 คน จากผู้ที่ใช้วิธีนี้ในการคุมกำเนิด ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางไม่ถูกวิธี ใช้ไม่สม่ำเสมอ ใช้สลับกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น หรือถุงยางอนามัยชำรุด ฉีกขาด หรือรั่วซึ

ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ

ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease; STD) เช่น ติดเชื้อ HIV  เอดส์  หนองในเทียม โกโนเรีย คลามายเดีย ตลอดจนโรคไวรัสตับอักเสบมากกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ทําหน้าที่กั้นเลือด อสุจิ และสารคัดหลั่งจากช่องคลอดไม่ให้ส่งต่อไปยังคู่นอนในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เพราะเลือดและสารคัดหลั่งเหล่านี้ล้วนแต่มีโอกาสเป็นแหล่งเชื้อโรคได้ทั้งสิ้น  

แต่ไม่ใช่ว่าการใช้ถุงยางอนามัยจะปลอดภัยเต็มร้อยเพราะถึงจะใช้อย่างถูกต้อง แต่ถุงยางไม่สามารถป้องกัน เริม  หูดหงอนไก่  ซิฟิลิส  และเชื้อกามโรคอีกหลายชนิดที่สามารถติดต่อได้จากหลายช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีคู่นอนหลายคน แม้จะใช้ถุงยางอนามัยเสมอแต่ยังคงต้องตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจําอยู่ดี

ถุงยางอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ตราบเท่าที่ของเหลว หรือบริเวณที่ปนเปื้อนเชื้อถูกคั่นแบ่งด้วยถุงยาง ไม่เช่นนั้นถุงยางอนามัยก็คงไร้ความหมาย ดังเช่น กรณีออรัลเซ็กส์ เพราะเยื่อบุช่องปากที่สัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ หรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อโรคโดยตรงก็อาจทำให้ติดโรคนั้นๆ มาได้

โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก : https://bangkokhospitalphitsanulok.com/health-information/wear-condoms/

กรมควบคุมโรค : https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=43

HDmall : https://hdmall.co.th/c/how-to-use-condoms-and-best-types