HIV & AIDS ต่างกันอย่างไร
HIV กับ เอดส์ ต่างกันอย่างไร ?
HIV คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะยึดจับและทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 เป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หากไม่รับการรักษา ระดับ CD4 ลดต่ำลงเรื่อยๆ จะทำให้ป่วยเป็นเอดส์ได้
AIDS คือ คนที่ติดเชื้อ HIV ที่มีระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ต่ำกว่า 200 ระบบภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาวถูกทำลายจนไม่สามารถต้านทานโรค ได้ หรือเรียกว่า “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ร่างกายจึงมีโอกาสติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย
ระยะแรก ร่างกายอยู่ในภาวะเริ่มติดเชื้อ ไม่ค่อยแสดงอาการมาก
ระยะที่ 2 มีตุ่มขึ้นตามร่างกาย มีเชื้อราในปาก เป็นงูสวัด
ระยะที่ 3 เป็นโรคเอดส์ มีการติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เชื้อราขึ้นสมอง วัณโรค
ระยะที่ 1 และ 2 ของการติดเชื้อ HIV ยังไม่ถือเป็นโรคเอดส์ ส่วนระยะที่ 3 ของการติดเชื้อ HIV เรียกว่าเป็นโรคเอดส์
หากรู้ตัวว่ามีเชื้อ HIV ให้รีบเข้ารับการรักษา และรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เพราะ HIV สามารถรักษา และห่างไกลจากโรคเอดส์ได้ ผู้ป่วยสามารถมีอายุยืนยาวเหมือนคนปกติทั่วไป
สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ HIV คือ?
เชื้อ HIV ติดต่อได้ 3 ช่องทาง คือ ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ ทางเลือด และจากแม่สู่ทารกในครรภ์
ผู้ป่วยเอชไอวี สามารถมีเพศสัมพันธ์และสร้างครอบครัวได้ แต่ต้องมีการป้องกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้ออื่นๆ ที่แฝงมาด้วย
คุณไม่สามารถติดเชื้อเอชไอวีได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
กอด การสัมผัส
รับประทานอาหารร่วมกัน
ไอ หรือจาม
แมลง หรือยุงกัด
การว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ
โรงพยาบาลบางปะกอก3 : https://www.bangpakok3.com/care_blog/view/234